West Finds New Anti-China Puppet in Wake of Thai Elections (Original English) ตะวันตกพบหุ่นเชิดผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อจีนคนใหม่ในการเลือกตั้งไทย การแทรกแทรงทางการเมืองของโลกตะวันตกเผชิญกับความพ่ายแพ้อีกครั้ง คราวนี้ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประเทศไทย ด้วยประชากรณ์กว่า 70 ล้านคน และเป็นเขตเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกำลังก้าวสู่การเป็นพันธมิตรระดับภูมิภาคที่สำคัญในนโยบาย One Belt, One Road ของจีน ทำให้สหรัฐและพันธมิตรต้องการจะหนุนฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์ต่อจีนขึ้นสู่อำนาจในการเลือกตั้งของไทยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอย่างไรก็ตาม พรรคพลังประชารัฐซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับกองทัพได้คะแนนความนิยมที่สูงกว่า ทำให้ฝ่ายปฏิปักษ์ที่มีสหรัฐหนุนหลังพบกับความพ่ายแพ้ร้ายแรงในการเลือกตั้งเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ขึ้นสู่อำนาจเป็นครั้งแรกในปี 2544 ฝ่ายปฏิปักษ์ที่มีสหรัฐหนุนมีผู้นำคืออดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร มหาเศรษฐี นักโทษหนีคดีผู้ลี้ภัยทางการเมือง เขาถูกโค่นล้มจากอำนาจในปี 2549 ภายหลังมีข้อครหาการคอรัปชัน การละเมิดสิทธิมนุษยชน และการพยายามจะกุมอำนาจรัฐทั้งหมดไว้ทกับตัวโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จากนั้นมาทักษิณได้พยายามจะหวนคืนสู่อำนาจผ่านทางการใช้ตัวแทนหลายคน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีน้องสาวของตน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ซึ่งได้เป็นนายกรัฐมนตรีตั้งปี 2554 ถึง 2557 และเฉกเช่นเดียวกับพี่ชาย ได้ถูกโค่นล้มจากอำนาจโดยการแทรกแทรงของศาลและกองทัพ นอกจากพรรคเพื่อไทยแล้ว ทักษิณ ชินวัตร ยังคุมกลุ่มผู้ชุมนุมบนท้องถนนที่นิยมความรุนแรงที่รู้จักกันในนาม "เสื้อแดง" ในขณะเดียวกัน ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้รับการสนับสนุนจากเหล่าเอ็นจีโอที่ได้รับเงินทุนจากสหรัฐ , กลุ่ม”นักเคลื่อนไหวนักศึกษา” และได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากสื่อตะวันตก ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ทักษิณ ได้แบ่งกำลังทางการเมืองออกเป็นหลายพรรค เพื่อการกระจายความเสี่ยงในการถูกยุบพรรค เพื่อที่จะสามารถใช้พรรคเหล่านั้นเป็นตัวแทนอย่างผิดกฎหมายให้ตนต่อไป นอกจากพรรคเพื่อไทยแล้ว ทักษิณ ยังได้ส่งพรรคไทยรักษาชาติ พรรคเพื่อธรรม พรรคเพื่อชาติ และพรรคอนาคตใหม่ สหรัฐพบตัวแทน”คนใหม่”ใน”อนาคตใหม่” ในขณะที่เพื่อไทยและพรรคอื่นๆที่กล่าวมามีทักษิณเป็นผู้สั่งการอย่างเปิดเผย แต่พรรคอนาคตใหม่ได้พยายามที่จะปฏิเสธการเป็นพรรคนอมินี แต่ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้น พรรคอนาคตใหม่ที่นำโดยมหาเศรษฐีนามว่า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นอกจากมีนโยบายที่เหมือนกับพรรคเพื่อไทยในการเอาทหารออกจากอำนาจ (ซึ่งจะเปิดทางให้ทักษิณคืนสู่อำนาจ) แต่หนำซ้ำ พรรคอนาคตใหม่ได้ตั้งสำนักงานพรรคติดอยู่กับที่ทำการพรรคเพื่อไทย ในพรรคอนาคตใหม่เองก็ยังมีนักการเมืองฝ่ายทักษิณ และพรรคไทยรักษาชาติของทักษิณยังส่งเสริมให้คนเลือกอนาคตใหม่ หลังจากพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบไปก่อนหน้าการเลือกตั้ง ตัวของธนาธรเองเป็นทายาทร่วมของทรัพตระกูลจึงเรืองกิจซึ่งได้มาจากบิดาผู้ล่วงลับ และตั้งแต่มารดาได้รับช่วงต่อ ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจได้กลายเป็นพันธมิตรกับทักษิณ การนำเสนอของสื่อที่ตระกูลนี้ควบคุมได้สนับสนุนตัวทักษิณเองและวาระทางการเมืองของทักษิณ และยังรวมไปถึงการเอื้อกับผลประโยชน์และวาระทางการเมืองของโลกตะวันตก ซึ่งโลกตะวันตกเองก็ยังให้การสนับสนุนทักษิณและย่อมจะได้รับผลประโยชน์กลับหากทักษิณกลับมามีอำนาจ ตัวธนาธรเอง ก่อนหน้าการเลือกตั้ง ได้ไปขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ด้วยการเข้าพบกับนายกรัฐมนตรีของแคนาดา คุณจัสติน ทรูโด และไปกล่าวสุนทรพจน์ในงานเช่น Concordia Summit ที่มีประธานเป็นผู้สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงการปกครองและหนุนสงครามมาอย่างยาวนานอย่าง John Negroponte และ David petraeus รวมถึงตัวแทนของเผด็จการที่ได้รับการยอมรับอย่างเจ้าชาย Abdulaziz bin Talal bin Abdulaziz Al Suad แห่งซาอุดิอาระเบีย ธนาธรเอ่ยครั้งแล้วครั้งเล่าถึงความตั้งใจที่จะยกเลิกโครงการร่วมไทย-จีนในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและตัดงบกลาโหม ซึ่งจะทำให้ไทยสูญเสียความสามารถในการป้องกันการแทรกแทรงจากต่างประเทศ ทั้งสองสิ่งนี้นอกจากธนาธรแล้วก็ยังมีสหรัฐที่หมายปองอยากให้ไทยทำ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่สื่อตะวันตกจะร่วมกันสนับสนุนธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ในฐานะอีกทางเลือกหนึ่งจากทักษิณ โดยที่ความน่าเชื่อถือและความนิยมของทักษิณเองได้ลดลงแม้ว่าจะมีการวิ่งเต้นช่วยเหลือจากทางตะวันตกอย่างกว้างขวาง พรรคอนาคตใหม่ของธนาธรได้อันดับ 3 จากการเลือกตั้ง รองลงมาจากพรรคพลังประชารัฐที่เกี่ยวโยงกับกองทัพ และพรรคเพื่อไทยของทักษิณ แต่กระนั้นแล้วก็เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่นักข่าวของตะวันตกกลับยกยอเขาให้ความสำคัญกว่าสิ่งที่เขาเป็น ธนาธรได้พบกับปัญหาทางกฎหมายในช่วงเลือกตั้งโดยถูกตั้งข้อกล่าวหา 3 คดี หนึ่งในนั้นเป็นคดีความมั่นคง เมื่อไปพบตำรวจตามหมายเรียก มีตัวแทนฑูตทั้งหมด 12 คนติดตามการแจ้งข้อกล่าวหาด้วย และในนั้นมีตัวแทนฑูตจากสหรัฐ อังกฤษ และแคนาดา สื่อตะวันตกต่างพรรณาถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ว่าเป็นการ ”สนับสนุนจากต่างประเทศ” แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งฝ่าย”ประชาธิปไตย” แต่กระนั้นแล้ว แม้เพียงมองนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ อังกฤษ แคนาดาอย่างคร่าวๆแล้ว จะเห็นได้ว่าเป็นเพื่อประโยชน์ของตัวเองโดยที่ไม่ใช่เพื่อ ”ประชาธิปไตย” การมีผลประโยชน์ร่วมกันจึงเป็นเหตุผลที่ประเทศเหล่านี้ให้การ ”สนับสนุน” ผู้อ่านควรนึกถึงการมีส่วนร่วมของสหรัฐ อังกฤษ แคนาดาในการก่อสงครามที่มิชอบด้วยกฎหมายซึ่งครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ลิเบียในแอฟริกาเหนือ ซีเรียในตะวันออกกลาง ไปจนถึงอัฟกานิสถานในเอเชียกลาง รวมไปจนถึงการร่วมกันให้ความสนับสนุนเผด็จการอย่างแท้จริงเช่น ซาอุดิอาระเบีย กาตาร์ และยูเครนที่มีแนวคิดแบบนีโอนาซี ดังน้ั้นการสนับสนุนนายธนาธรจากโลกตะวันตกจึงไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกไปจากการแทรกแทรงการเมืองของไทยโดยตรง โดยใช้คำว่าประชาธิปไตยเป็นโล่กำบังแทนที่จะปกป้องมัน ไม่ว่าจะผ่านทางธนาธร หรือทักษิณ โลกตะวันตกต้องการจะทำให้ไทยอ่อนแอและต้องการทำลายสถาบันที่เป็นอิสระของไทย เช่น ศาล กองทัพ และพระมหากษัตริย์ ซึ่งจะเป็นการปูทางนำไปสู่การ”เปิดเสรี”ทางการค้าโดยไร้การต้านทาน และการเปลี่ยนนโยบายต่างประเทศของไทยให้หยุดความสัมพันธ์กับจีน จะทำให้ไทยกลายเป็นกำแพงต้านจีนโดยที่ไทยเสียผลประโยชน์ การเดิมพันที่สูญเสียของสหรัฐ ในยุคที่ทักษิณมีอำนาจสูงสุด ทักษิณมั่งคั่งเป็นอันดับ 4 ของไทย อำนาจทางการเมืองและทางการเงินของทักษิณต้องใช้การลงแรงอย่างสาหัสเป็นเวลาเกือบ 2 ทศวรรษในการโค่นล้มจนเพียงพอจนในการเลือกตั้งไม่นานมานี้เองที่พรรคเพื่อไทยของทักษิณได้แพ้คะแนนนิยม ตั้งแต่ปี 2553 จนถึงบัดนี้ ความมั่งคั่งของทักษิณได้ร่วงลงจากอันดับ 4 ไปที่อันดับ 19 ความน่าเชื่อถือและอิทธิพลของทักษิณก็ได้อ่อนลง รวมไปถึงตัวแทนของเขาด้วย ธนาธรจึงต้องปฏิเสธความสัมพันธ์กับทักษิณ แม้ว่าเขาเองก็เป็นตัวแทนของทักษิณ ธนาธร หรือตัวแทน”คนใหม่”ของโลกตะวันตก จึงเป็นแค่ตัวสำรองของทักษิณ แต่อย่างไรก็ตามเขามาจากตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 28 ของไทย และประวัติด้านการเมืองและการเงินของธนาธรก็ได้ด่างพล้อยไปด้วยเรื่องคอรัปชันและเรื่องอื้อฉาวไปเสียแล้ว โลกตะวันตกในตอนนี้กำลังใช้ตัวแทนที่กำลังทรัพย์อ่อนแอกว่าและมีประวัติทางการเมืองที่เป็นมลทินกว่าอย่างหลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับทักษิณในปี 2544 ในการต่อสู้กับสถาบันของไทยซึ่งมีความพร้อมเพรียงและเตรียมพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยของไทยมากกว่าเท่าที่เคยเป็นมา ความพยายามของสื่อตะวันตกที่จะ”ดลบันดาล”วิกฤติทางการเมืองของไทยให้เข้าสู่รูปร่างที่จะเป็นประโยชน์แก่ตัวเองนั้นไม่เป็นผลสำหรับทักษิณครั้งมีอำนาจสูงสุด ไม่เป็นผลก่อนการเลือกตั้งครั้งล่าสุด และจะไม่เป็นผลสำหรับตัวสำรองของทักษิณที่อ่อนแอกว่าหลังการเลือกตั้งอยู่หลายเท่า เมื่อเทียบกับทักษิณในปี 2544 ความพ่ายแพ้ของโลกตะวันตกในครั้งนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งลักษณะที่กว้างกว่ามากในความล้มเหลวของนโยบายต่างประเทศของสหรัฐและยุโรป ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั่วโลกตั้งแต่ความพยายามอย่างงุ่มง่ามในการเปลี่ยนแปลงการปกครองของเวเนซูเอลา ไปจนถึงความพ่ายแพ้ที่น่าอับอายในซีเรีย และสงครามในอัฟกานิสถานที่ค้างคาอยู่กว่าสองทศวรรษ ในส่วนของภูมิภาคนี้ ความล้มเหลวในประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มที่สหรัฐจะถูกชิงความเป็นใหญ่โดยจีนและอำนาจอื่นในภูมิภาคที่แข็งแกร่งขึ้น แนวความคิดที่ว่าคนอย่างเช่น ธนาธร และพรรคอย่างเช่นอนาคตใหม่ เป็นตัวแทนของ”ประชาธิปไตย”ในขณะที่วาระทางการเมืองถูกกำหนดโดยนักโทษผู้ลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศอย่างทักษิณ และผู้สนับสนุนจากโลกตะวันตก และได้รับความคุ้มครองในประเทศไทยจากตัวแทนจากกงศุลตะวันตกในกรุงเทพ แนวคิดนี้เป็นแนวคิดที่ขัดแย้งในตัวเองและอย่างไรก็ไปไม่รอด ประชาธิปไตยมีนิยามคือ กระบวนการที่ตัดสินใจโดยคนในชาติเอง ไม่ใช่มีเพียงคนเพียงคนเดียวที่สามารถตัดสินชะตากรรมของชาติได้จากต่างประเทศ มันเป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาที่วาทกรรมปากว่าตาขยิบ ที่ถูกใช้ในการเผยแพร่แนวคิดที่ขัดแย้งนี้จะต้องเผชิญกับความจริงของมัน คนที่วางเดิมพันไว้กับทักษิณ,ตัวแทนอย่างธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ของเขา หรือแม้แต่ความเป็นใหญ่ของสหรัฐในเอเชียคงต้องถามตนเองว่าจะเชื่อในสิ่งนี้ต่อไปอีกหรือไม่ในปีหน้า หรือในอีกทศวรรษข้างหน้า ผู้คนจะรู้ซึ้งถึงวาระที่ไม่มีทางไปรอดนี้ หรือมันจะติดหล่มอยู่กับความล้มเหลวที่ยิ่งทวีคูณ เขียนโดย/Writer: Tony Cartalucci แปลโดย/Translator: Nutt Tananimit
Source